Written by: #StockVitamins x Liberator


DCA หรือ Dollar Cost Averaging คือ การลงทุนแบบสม่ำเสมอต่อเนื่อง ไม่จับจังหวะ ซื้อหุ้นด้วยจำนวนเงินที่เท่ากัน ไม่ว่าตลาดจะเขียวหรือแดง ไม่ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง ไม่ว่าจะแดดออกหรือฝนตก เช่น ซื้อหุ้น 5,000 บาท ทุกวันที่ 15 ของแต่ละเดือน ทำแบบนี้ติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี


โดยหลักการแล้ว DCA จะมีลักษณะที่เราต้องเข้าใจร่วมกันก่อน คือ




  • DCA เป็นการลงทุนแบบมีวินัย ต้องทำต่อเนื่อง แม้ว่าหุ้นจะตกก็ต้องซื้อ ให้มองว่าเป็นการสร้างวินัยการออมรูปแบบหนึ่ง

  • DCA ไม่ใช่เป็นการลงทุนเพื่อหวังกำไรสูงสุด เพราะเราไม่ได้ซื้อหุ้นที่ราคาถูกแล้วไปขายราคาแพง

  • DCA จะทำให้เราได้ต้นทุนแบบถัวเฉลี่ย เวลาหุ้นขึ้น เราจะได้หุ้นจำนวนน้อยลง และเวลาหุ้นลง เราจะได้หุ้นจำนวนมากขึ้น เพราะซื้อด้วยจำนวนเงินที่เท่ากัน


หลายคนเข้าใจในหลักการ แต่ตอนลงทุนจริงก็ยังขาดทุน ยิ่งซื้อยิ่งแย่ ยิ่งนานวันพอร์ตยิ่งแดงเด่นชัด แปลว่า วิธีการ DCA ของคุณอาจจะไม่ถูกต้อง เรามาลองนำเสนอวิธีที่จะพาคุณ DCA ยังไงไม่ให้ติดดอยกันครับ


1. DCA ในหุ้นพื้นฐานดี มีความปลอดภัย

ไม่ใช่ว่าซื้อหุ้นอะไรก็ได้ แต่เราต้องเริ่มต้นที่หุ้นพื้นฐานดี มีความปลอดภัยทั้งในแง่ของพื้นฐานกิจการและผู้บริหาร เพราะเราลงทุนนานหลายปี หุ้นที่เรามีต้องอยู่รอดได้ในระยะยาว นอนหลับฝันไป ตื่นมา 10 ปี กิจการต้องยังอยู่ ลักษณะที่ดีคือ




  • พื้นฐานดี ดูผ่านงบการเงิน หนี้ต้องไม่สูงจนเกินไป ทำกำไรได้ เก็บเงินสดได้ด้วย ไม่งั้นจะหมุนเงินไม่ทัน ล้มละลายได้ และอัตราการทำกำไรหรือมาร์จิ้นต้องมีความสม่ำเสมอ

  • สภาพคล่องดี มีโวลุ่มในการซื้อขาย เพราะเราต้องซื้อทุกเดือน ถ้าหุ้นโวลุ่มน้อยเกินไป อาจจะกลายเป็นหุ้นขึ้นเพราะเราซื้ออยู่คนเดียว สุดท้ายเราก็จะขายออกไม่ได้เช่นกัน

  • ผู้บริหารแค่เก่งไม่พอ สิ่งสำคัญมากที่ต้องดูก่อน คือ ต้องมีธรรมาภิบาล ไม่มีประวัติฉ้อโกง ไม่งั้น เก่งแค่ไหน แต่เป็นคนไม่ดี บริษัทก็ล่มจมได้


2. DCA ในหุ้นที่อยู่ในช่วงของการเติบโต

เพราะหลักการ คือ ลงทุนระยะยาว และถัวเฉลี่ยในการซื้อ  เราคงคุ้นเคยกับการซื้อหุ้นด้วยตัวเอง แล้วถัวหุ้นขาลง ที่หลายครั้งยิ่งลงยิ่งซื้อ กลายเป็นถัวจนตัวตาย เพราะฉะนั้น การ DCA ให้ทำตรงข้าม คือ การถัวหุ้นขาขึ้น แปลว่า ต้องเลือกหุ้นที่กิจการมีแนวโน้มเติบโตได้ในอนาคต กำไรเพิ่ม แนวโน้มราคาหุ้นก็จะขึ้นไปเรื่อยๆ เราก็จะซื้อหุ้นแพงขึ้นเรื่อยๆ แต่ต้นทุนเฉลี่ยของเราจะต่ำกว่าราคาตลาดเสมอ เราก็จะกำไร แบบนี้เรียกว่า เวลาเป็นเพื่อนกับการลงทุนของเรา ปล่อยให้เงินและเวลาทำหน้าที่ของเขาไป


3. DCA ที่ดีต้องจัดพอร์ตแบบกระจายความเสี่ยง

คำถามยอดฮิต ซื้อหุ้นกี่ตัวดี ก็ต้องตอบว่า ไม่มากไป ไม่น้อยไป แต่ไม่ใช่แค่ 1-2 ตัวแน่ๆ แต่ก็ไม่ใช่ซื้อแบบเราเป็นกองทุน ซื้อที 50 ตัว อันนั้นก็ดูจะมากเกินไป โดยส่วนตัวผมคิดว่า 5-10 ตัว กำลังดี แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับเงินลงทุนของเราด้วย ถ้ามีงบน้อยก็ซื้อหุ้นน้อยตัว ถ้ามีมากก็อาจจะซื้อได้มากกว่าหน่อย เพราะลองคิดง่ายๆ ว่า ถ้ามีเงิน 5,000 บาท ซื้อ 10 ตัว ได้ตัวละ 500 บาท ก็แทบจะซื้อได้แค่ไม่กี่หุ้นในแต่ละตัว


วิธีการที่ควรทำ คือ เลือกอุตสาหกรรมที่น่าจะเป็นเมกะเทรนด์ เติบโตได้ในระยะยาว เช่น Technology เพราะเรื่อง IT, IOT นวัตกรรมต่างๆ ยังไงก็จำเป็น หรือจะมากลุ่ม Health Care ที่สังคมผู้สูงอายุกำลังเดินทางมาถึงในไม่ช้า หรือจะเป็น Tourism เพราะประเทศเราเด่นด้านการบริการการท่องเที่ยว


พอเลือกอุตสาหกรรมได้แล้ว ก็ให้เลือกเบอร์ 1 กับ เบอร์ 2 ของอุตสาหกรรมนั้นๆ เพราะน่าจะเป็นผู้เติบโตและอยู่รอดในระยะยาว อย่าเลือกแค่ผู้นำคนเดียว เพราะอาจจะมีโอกาสถูกเบอร์ 2 แซงได้ ก็เลือกหุ้นทั้ง 2 ตัวเลย หรือถ้าใครมีความเชี่ยวชาญรู้จริงในธุรกิจที่เลือกลงทุน ให้มองหาม้ามืด ม้านอกสายตา ที่อาจจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในอนาคตได้ ก็เป็นอีกแนวทางที่น่าสนใจ


4. DCA ผิดอย่าฝีน ให้เริ่มต้นใหม่

วินัยเป็นเรื่องสำคัญ แต่ทิศทางก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าเราเกิดพบว่า ลงทุน DCA มาซักพักแล้ว เช่น 3 ปี หุ้นตัวที่เราลงทุนแนวโน้มไม่ดีเลย ธุรกิจนับวันๆ ก็มีแต่แย่ลง จากที่เคยเป็นผู้นำในตลาด ก็ตกลงมาเป็นที่สองที่สาม และยังไม่เห็นวี่แววว่าจะกลับไปได้อย่างไร ถ้าเราเห็นภาพแบบนี้ การที่เราทน DCA ต่อไปเรื่อยๆ ก็อาจทำให้พอร์ตเราพังได้


ไม่ผิด ถ้าเราจะเลือกขายหุ้นตัวนั้นออกมา อาจะแบ่งขาย 30% ก่อนก็ได้ แล้วเปลี่ยนตัวมาลงทุนกับหุ้นตัวใหม่ในอุตสาหกรรมเดิม ที่แนวโน้มดีกว่า ทยอยลดพอร์ตค่อยๆ เปลี่ยนตัวไปเรื่อยๆ หรือถ้าทั้งอุตสาหกรรมที่เราลงทุนกลายเป็น sunset ไปแล้ว ดูไม่มีอนาคต ก็ขายทิ้งเปลี่ยนไปหา sector ใหม่ได้เช่นกัน แต่ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทุกๆ ไตรมาส หรือเห็นหุ้นตกก็เลยเปลี่ยน เราต้องมองภาพใหญ่ให้เคลียร์ก่อน แล้วค่อยมาเลือกลงทุนให้ถูกที่ถูกทาง


5. DCA ให้ดีต้องเลือกวันให้ถูก

ต้องดูฤกษ์งามยามดีมั้ย ลงต้นเดือนดีกว่าปลายเดือนหรือเปล่า ลงทุนในวันเกิดดีมั้ย จริงๆ แล้ว ลงวันไหนก็ได้ แต่ขอให้เลือกวันนั้นเหมือนกันทุกเดือน เพื่อตัดเรื่องอคติในการลงทุน หรือเผื่อธุรกิจนั้นมี seasonal มีประชุมทีมขายทีมการตลาดประจำเดือน


แต่ถ้าต้องเลือกจริงๆ แนะนำให้ DCA วันที่เงินเดือนออก เพราะให้ยึด concept เงินที่ไม่ได้เห็น คือ เงินที่ไม่สามารถเอามาใช้ได้ ให้คิดซะว่า เหมือนภาษี เหมือนประกันสังคมที่โดนหักอัตโนมัติทุกเดือน ที่เหลือถึงเอามาใช้ได้ ดังนั้นเงินเดือนเข้าวันไหน ก็แบ่งไปลงทุน DCA วันนั้นไปเลย ยังไงมีเงินแน่นอน และจะได้ไม่เอาไปซื้อของฟุ่มเฟือยด้วย


และนี่ก็คือ 5 ข้อต้องรู้ก่อนลงทุน DCA ที่อยากให้ลองเอาไปปรับใช้กันดูครับ เพื่อที่ว่า DCA ครั้งต่อไปของคุณพอร์ตจะได้ไม่แดง และไม่ติดดอยอีกต่อไป