หากจะพูดถึง Indicator ยอดฮิตในใจนักลงทุน เส้นค่าเฉลี่ย (Exponential Moving Average : EMA) จะต้องเป็น Indicator ที่ติด Top Hit อย่างแน่นอน ด้วยความที่เป็น Indicator ที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการใช้สูง

EMA สามารถแบ่งตามระยะการใช้งานคือ สั้น กลาง ยาว ทำให้นักลงทุนใช้ EMA แตกต่างกันไปตามกลยุทธ์ของนักลงทุน

วันนี้ แอดมิน จะมาแชร์ เรื่อง EMA ที่คนนิยมใช้กันมาก คือ EMA200 หรือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน นั่นเอง

ประโยชน์ของเส้นค่าเฉลี่ย EMA200

1. #บอกแนวโน้ม

ถ้าราคาหุ้นยืนอยู่เหนือ EMA200 หมายความว่า ราคาหุ้นเป็นแนวโน้มขาขึ้น

ในทำนองตรงกันข้าม ถ้าราคาหุ้นอยู่ใต้ EMA200 หมายความว่าราคาหุ้นเป็นแนวโน้มขาลง

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่นักลงทุนส่วนใหญ่บอกกันว่า EMA200 เป็นเส้นแบ่งนรก-สวรรค์นั่นเอง

จากประโยชน์ตรงนี้ ทำให้นนักลงทุนสาย Trend Following จะกำหนดว่าไม่เล่นหุ้นที่อยู่ใต้ EMA200

2. #แนวรับ-#แนวต้าน

ในแนวโน้มขาขึ้น EMA200 จะทำหน้าที่เป็นแนวรับ ทำให้เมื่อราคาหุ้นลงมาพักตัวบนเส้น EMA200 จะใช้เป็นจังหวะในการซื้อหุ้นนั่นเอง ซึ่งเป็น 1 ในกลยุทธ์การเทรดที่เราเรียกว่า Buy on Dip หรือซื้อเมื่อย่อตัวลงมา

และในทำนองตรงกันข้าม ในแนวโน้มขาลง EMA200 จะทำหน้าที่เป็นแนวต้านทำให้เมื่อราคาหุ้นขึ้นไปทดสอบ EMA200 นักลงทุนจะใช้เป็นจังหวะในการเทรดหุ้นหน้า Short (สำหรับสินค้าทางการเงินที่เทรดขาลง)

3. #บอกต้นทุน

EMA200 คือค่าเฉลี่ยของราคาในระยะ 200 วัน สะท้อนถึงต้นทุนของคนส่วนใหญ่

ดังนั้นหากราคาอยู่ใต้ EMA200 และราคามีการ Breakout หรือ ทะลุขึ้น นัยยะว่า ณ ระดับราคาตรงนั้นนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ขาดทุนแล้ว และนักลงทุนจะใช้จังหวะดังกล่าวในการเข้าซื้อหุ้น ซึ่งเรียกกลยุทธ์นี้ Buy on Breakout นั่นเอง

หวังว่านักลงทุนจะได้รับความรู้เรื่อง EMA200 และลงทุนอย่างมีความสุขมากขึ้น

┌────────────────┐

เรียนรู้การลงทุน กับ Liberator ได้ที่นี่

└────────────────┘