บทความ LIB Learn เดิม
กลยุทธ์ Bottom Fishing เก็บหุ้นโซนล่าง
Written by: #StockVitamins x #Liberator
ตกปลาน้ำลึก ในยามที่น้ำนิ่ง ลมสงบ อาจจะได้ปลาตัวใหญ่ก่อนคนอื่น
การเข้าซื้อหุ้นโซนล่างในจุดที่คิดว่าน่าจะเป็นก้นบ่อแล้วนั้น ก็มีโอกาสได้กำไรคำใหญ่เช่นกัน
กลยุทธ์แบบนี้เรียกว่า “Bottom Fishing” เหมาะกับเวลาที่หุ้นหรือตลาดมีโอกาสฟื้นตัว โดยมีหลักคิดตามนี้
#มองหาสัญญาณการฟื้นตัว
เพราะราคาหุ้นลงมาเยอะจากที่สูง อาจจะตามสภาวะตลาดที่ไม่ดี หรือตามผลประกอบการของบริษัทที่ย่ำแย่ นักลงทุนต่างพากันขายหุ้น ไม่สนใจใยดี แต่เรามีหน้าที่คอยติดตามดูว่า ถ้าเจอหุ้นที่เริ่มนิ่ง โวลุ่มการซื้อขายไม่เยอะ ไม่ค่อยมีคนพูดถึง นักวิเคราะห์ไม่ค่อยได้ติดตาม แต่เราเริ่มเห็นสัญญาณบางอย่างที่อาจจะเป็นโอกาสกลับตัวรอบใหม่เหมือนเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ได้แก่
•GPM หรืออัตรากำไรขั้นต้น เริ่มดีขึ้นหลังจากลงมานาน บอกเราว่า เริ่มขายของได้มากขึ้น ไม่ต้องทำโปรโมชั่น สัดส่วนสินค้ากำไรสูงเริ่มขายออก ประสิทธิภาพการผลิตหรือต้นทุนดีขึ้น
•ดัชนีหลายตัวเริ่มส่งสัญญาญฟื้นตัว เช่น ความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ค่าระวางเรือ (BDI, SCFI) เริ่มฟื้นตัวกลับมา
•สตอรี่เฉพาะตัวของหุ้นบริษัทนั้นว่า เริ่มมีการเดินเครื่องจักรมากขึ้น Utilization Rate เพิ่ม จำนวนคนเข้าร้านค้ามากขึ้น ซื้อของต่อบิลมากขึ้น เริ่มออกสินค้าใหม่มากขึ้น
•สัญญาณที่ดีควรเป็นทั้งภาพเล็กของบริษัทเองว่ามีทิศทางการดำเนินงานที่ดีขึ้น และภาพใหญ่ทางเศรษฐกิจหรือนโยบายรัฐบาลที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้น ถ้าได้ 2 แรงสนับสนุนก็จะมีโอกาสมากกว่า
#อย่าคาดหวังว่าจะซื้อได้ที่จุดต่ำสุด
เราอยากซื้อหุ้นที่ก้นเหว ได้ราคาต่ำสุด แล้วไปขายราคาสูงสุด กินคำใหญ่ กำไรเป็นเด้งๆ ถามว่าเป็นไปได้มั้ย ก็ต้องบอกว่า เป็นไปได้ แต่ก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น และอาจจะเป็นความเสี่ยงมากกว่าที่จะไปกะเกณฑ์อะไรแบบนั้นด้วย หลักคิดที่เราควรมีคือ
•หุ้นนั้นต้อง under value ราคาที่ลงมามันมากเกินไปเมื่อเทียบกับมูลค่าที่ควรจะเป็น upside เปิดกว้างมหาศาล เวลาที่เราซื้อ คือ คำนวณจุดเผื่อความปลอดภัย หรือ margin of safety ที่มากพอ
•จุดเข้าซื้อที่ดี คือ จุดที่ราคาเริ่มกลับตัวขึ้นมาบ้างแล้ว เหมือนดังคำพูดที่กล่าวว่า “กว่าที่เราจะรู้ว่าจุดต่ำสุดอยู่ที่ตรงไหนก็ต่อเมื่อมันได้ผ่านไปแล้ว” นั่นแปลว่า เราจะได้ซื้อในจุดที่ราคาสมปลอดภัย ตลาดยืนยันการกลับตัวแล้ว
#ความจริงหรือความหวัง
พอเราซื้อหุ้นไปแล้ว ราคาขึ้นไปบ้างแล้ว เริ่มมีคนพูดถึงบ้าง เริ่มมีข่าวออกมาบ้าง เป็นช่วงเวลาที่ต้องพิจารณากันต่อให้ดีว่า รายได้ กำไรของบริษัทจะมาจริงหรือเปล่า หรือว่าเป็นแค่สตอรี่ ความหวังชั่วคราว
คือ เราไม่รู้หรอกว่า หุ้นที่เราคิดว่าราคาถูกนั้น bottom out ไปแล้วจริงๆ หรือยัง หลายครั้งที่ราคาหุ้นหรือผลกำไรดีไตรมาสเดียว เพราะมี pent up demand เพราะมีการ restock สินค้า หรือเพราะขายสินค้าใหม่ เปิดตลาดใหม่ เราก็ต้องหาข้อมูลเพิ่มขึ้นเพื่อพิสูจน์ว่าที่ขึ้นมานั้นด้วยความหวัง หรือความจริงกันแน่
#ถ้าผิดทางต้องรีบมอบตัว
ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว ถ้าปรากฏว่า พอเวลาผ่านไป ผลประกอบการเริ่มไม่ฟื้นอย่างที่คิด เรามองผิด ก็ต้องอย่าฝืน ต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม รีบขายให้ทัน กำไรอาจจะลด หรือขาดทุนบ้าง ก็ต้องยอม เพราะเราไม่รู้ว่า หลัง COVID อาจจะเจอ CRISIS หลังวิกฤตอาจจะเจอหายนะซ่อนอยู่ ทำให้เราขาดทุนมากกว่าที่คิดก็เป็นได้
Bottom Fishing เป็นได้ทั้งโอกาสและหายนะ เปรียบได้กับคำพูดที่ Warren Buffett บอกว่า “อย่าวัดความลึกของน้ำด้วยขาทั้งสองข้าง” เพราะน้ำอาจจะลึกกว่าที่เราคิด ปลาตัวใหญ่ที่คิดว่าจะตกได้ง่ายกลายเป็นยากและดึงเราจมน้ำไปด้วย
ตกปลาน้ำลึก ในยามที่น้ำนิ่ง ลมสงบ อาจจะได้ปลาตัวใหญ่ก่อนคนอื่น
การเข้าซื้อหุ้นโซนล่างในจุดที่คิดว่าน่าจะเป็นก้นบ่อแล้วนั้น ก็มีโอกาสได้กำไรคำใหญ่เช่นกัน
กลยุทธ์แบบนี้เรียกว่า “Bottom Fishing” เหมาะกับเวลาที่หุ้นหรือตลาดมีโอกาสฟื้นตัว โดยมีหลักคิดตามนี้
#มองหาสัญญาณการฟื้นตัว
เพราะราคาหุ้นลงมาเยอะจากที่สูง อาจจะตามสภาวะตลาดที่ไม่ดี หรือตามผลประกอบการของบริษัทที่ย่ำแย่ นักลงทุนต่างพากันขายหุ้น ไม่สนใจใยดี แต่เรามีหน้าที่คอยติดตามดูว่า ถ้าเจอหุ้นที่เริ่มนิ่ง โวลุ่มการซื้อขายไม่เยอะ ไม่ค่อยมีคนพูดถึง นักวิเคราะห์ไม่ค่อยได้ติดตาม แต่เราเริ่มเห็นสัญญาณบางอย่างที่อาจจะเป็นโอกาสกลับตัวรอบใหม่เหมือนเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ได้แก่
•GPM หรืออัตรากำไรขั้นต้น เริ่มดีขึ้นหลังจากลงมานาน บอกเราว่า เริ่มขายของได้มากขึ้น ไม่ต้องทำโปรโมชั่น สัดส่วนสินค้ากำไรสูงเริ่มขายออก ประสิทธิภาพการผลิตหรือต้นทุนดีขึ้น
•ดัชนีหลายตัวเริ่มส่งสัญญาญฟื้นตัว เช่น ความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ค่าระวางเรือ (BDI, SCFI) เริ่มฟื้นตัวกลับมา
•สตอรี่เฉพาะตัวของหุ้นบริษัทนั้นว่า เริ่มมีการเดินเครื่องจักรมากขึ้น Utilization Rate เพิ่ม จำนวนคนเข้าร้านค้ามากขึ้น ซื้อของต่อบิลมากขึ้น เริ่มออกสินค้าใหม่มากขึ้น
•สัญญาณที่ดีควรเป็นทั้งภาพเล็กของบริษัทเองว่ามีทิศทางการดำเนินงานที่ดีขึ้น และภาพใหญ่ทางเศรษฐกิจหรือนโยบายรัฐบาลที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้น ถ้าได้ 2 แรงสนับสนุนก็จะมีโอกาสมากกว่า
#อย่าคาดหวังว่าจะซื้อได้ที่จุดต่ำสุด
เราอยากซื้อหุ้นที่ก้นเหว ได้ราคาต่ำสุด แล้วไปขายราคาสูงสุด กินคำใหญ่ กำไรเป็นเด้งๆ ถามว่าเป็นไปได้มั้ย ก็ต้องบอกว่า เป็นไปได้ แต่ก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น และอาจจะเป็นความเสี่ยงมากกว่าที่จะไปกะเกณฑ์อะไรแบบนั้นด้วย หลักคิดที่เราควรมีคือ
•หุ้นนั้นต้อง under value ราคาที่ลงมามันมากเกินไปเมื่อเทียบกับมูลค่าที่ควรจะเป็น upside เปิดกว้างมหาศาล เวลาที่เราซื้อ คือ คำนวณจุดเผื่อความปลอดภัย หรือ margin of safety ที่มากพอ
•จุดเข้าซื้อที่ดี คือ จุดที่ราคาเริ่มกลับตัวขึ้นมาบ้างแล้ว เหมือนดังคำพูดที่กล่าวว่า “กว่าที่เราจะรู้ว่าจุดต่ำสุดอยู่ที่ตรงไหนก็ต่อเมื่อมันได้ผ่านไปแล้ว” นั่นแปลว่า เราจะได้ซื้อในจุดที่ราคาสมปลอดภัย ตลาดยืนยันการกลับตัวแล้ว
#ความจริงหรือความหวัง
พอเราซื้อหุ้นไปแล้ว ราคาขึ้นไปบ้างแล้ว เริ่มมีคนพูดถึงบ้าง เริ่มมีข่าวออกมาบ้าง เป็นช่วงเวลาที่ต้องพิจารณากันต่อให้ดีว่า รายได้ กำไรของบริษัทจะมาจริงหรือเปล่า หรือว่าเป็นแค่สตอรี่ ความหวังชั่วคราว
คือ เราไม่รู้หรอกว่า หุ้นที่เราคิดว่าราคาถูกนั้น bottom out ไปแล้วจริงๆ หรือยัง หลายครั้งที่ราคาหุ้นหรือผลกำไรดีไตรมาสเดียว เพราะมี pent up demand เพราะมีการ restock สินค้า หรือเพราะขายสินค้าใหม่ เปิดตลาดใหม่ เราก็ต้องหาข้อมูลเพิ่มขึ้นเพื่อพิสูจน์ว่าที่ขึ้นมานั้นด้วยความหวัง หรือความจริงกันแน่
#ถ้าผิดทางต้องรีบมอบตัว
ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว ถ้าปรากฏว่า พอเวลาผ่านไป ผลประกอบการเริ่มไม่ฟื้นอย่างที่คิด เรามองผิด ก็ต้องอย่าฝืน ต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม รีบขายให้ทัน กำไรอาจจะลด หรือขาดทุนบ้าง ก็ต้องยอม เพราะเราไม่รู้ว่า หลัง COVID อาจจะเจอ CRISIS หลังวิกฤตอาจจะเจอหายนะซ่อนอยู่ ทำให้เราขาดทุนมากกว่าที่คิดก็เป็นได้
Bottom Fishing เป็นได้ทั้งโอกาสและหายนะ เปรียบได้กับคำพูดที่ Warren Buffett บอกว่า “อย่าวัดความลึกของน้ำด้วยขาทั้งสองข้าง” เพราะน้ำอาจจะลึกกว่าที่เราคิด ปลาตัวใหญ่ที่คิดว่าจะตกได้ง่ายกลายเป็นยากและดึงเราจมน้ำไปด้วย