บทความ LIB Learn เดิม
ฟองสบู่อสังหาฯจีน ระเบิดเวลาที่ต้องเร่งถอดสลัก
Written by : #DrArmTungnirun x #Liberator
ช่วงเดือนที่ผ่านมา มีแต่ข่าวเศรษฐกิจด้านลบจากจีน ตั้งแต่ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ที่อ่อนแรงกว่าที่คาด ไปจนถึงข่าววิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์จีนดูจะปะทุเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมาอีกรอบ
ตั้งแต่ข่าวยักษ์ใหญ่เอเวอร์แกรนด์ ยื่นล้มละลายในสหรัฐฯ ข่าวยักษ์รองอย่าง Country Garden สั่งระงับซื้อขายหุ้นกู้ และผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ส่วนตัวเลขยอดขายบ้านของ 100 บริษัทชั้นนำด้านอสังหาฯ ในจีน ลดลงเหลือเพียง 1 ใน 3 เมื่อเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม
ผมมองว่าข่าวเอเวอร์แกรนด์ล้มละลาย แม้หลายสำนักข่าวจะพาดหัวอย่างน่าตกใจ แต่นี่เป็นจุดจบของหนังม้วนยาวที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าจะมาจบตรงนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงสภาพตลาดอสังหาฯ ของจีนในปัจจุบันแต่อย่างใด
ส่วนข่าวยักษ์รองอย่าง Country Garden มีปัญหาสภาพคล่องนั้น บริษัทนี้เป็นบริษัทอสังหาฯ อันดับ 6 ของจีน หนังม้วนนี้แม้จะซ้ำรอยหนังเอเวอร์แกรนด์เมื่อ 2 ปี ก่อน แต่เชื่อว่าด้วยขนาดของบริษัทและผลกระทบที่เล็กกว่ากรณีของเอเวอร์แกรนด์ รัฐบาลจีนน่าจะสามารถเข้าไปจัดการควบคุมไม่ให้ลามเป็นวิกฤตใหญ่ในภาคการเงินได้ ไม่ต่างจากที่รัฐบาลจีนจัดการเรื่องเอเวอร์แกรนด์อย่างค่อยเป็นค่อยไปเมื่อสองปีก่อน
ดังนั้น ฟันธงได้ว่ายังคงไม่ไปถึงจุดที่จะเกิดวิกฤตเป็ดปักกิ่งใหญ่อย่างที่นักวิเคราะห์บางท่านกังวล แต่สิ่งที่สะท้อนแน่นอนคือ ภาคอสังหาฯ จีนซึมยาว และเศรษฐกิจจีนก็ยังคงซึมยาว
ภาคอสังหาฯ ของจีนผูกกับภาคเศรษฐกิจจริงของจีนอย่างน้อยในสองมิติ มิติแรกคือ ภาคอสังหาฯ คิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 15-30 ของ GDP จีน และผูกโยงกับซัพพลายเชนในหลายภาคอุตสาหกรรมการผลิต
มิติที่สองคือ ความมั่งคั่งของคนจีนอยู่กับการถือครองอสังหาฯ เมื่อภาคอสังหาฯ ซึมและราคาอสังหาฯ ตก คนจีนย่อมรู้สึกว่าความมั่งคั่งของตนลดลงและเลือกจะรัดเข็มขัดรับกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทำให้ภาคการบริโภคของจีนยากที่จะฟื้น และด้วยบรรยากาศเศรษฐกิจจีนที่ไม่คึกคักเช่นนี้ ธุรกิจก็ชะลอการลงทุน กลายเป็นวงจรขาลง
ทุกคนต่างทราบดีว่าปัญหาภาคอสังหาฯ ของจีนเกิดมาจากการตัดสินใจของรัฐบาลจีนเองเมื่อปลายปีค.ศ. 2021 ที่จะเจาะฟองสบู่ภาคอสังหาฯ ของตนเสียเอง แต่ผมคิดว่ารัฐบาลจีนประเมินพลาดสองเรื่อง ทั้งเรื่องที่จีนมาเกิดวิกฤตล็อคดาวน์สู้กับเชื้อโอไมครอนเมื่อต้นปี ค.ศ. 2022 จึงทำให้เศรษฐกิจหนักกว่าที่คาด รวมทั้งผลกระทบจากภาคอสังหาฯ นั้น สุดท้ายฉุดภาคเศรษฐกิจจริงและความเชื่อมั่นหนักและแรงกว่าที่รัฐบาลจีนอาจจะเคยประเมิน
หนังเรื่องวิกฤตภาคอสังหาฯ จีนจึงเป็นหนังม้วนยาวที่ดูเหมือนข่าวร้ายไม่จบไม่สิ้นเสียที เหมือนรัฐบาลจีนพยายามประคับประคองสถานการณ์มาตลอดไม่ให้ลามไปสู่วิกฤต แต่ปัญหาก็ลากยาวและภาคอสังหาฯ ก็ซึมยาว และส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังภาคเศรษฐกิจจริงมาอย่างต่อเนื่องด้วย
ถามว่าตอนนี้ความตั้งใจของรัฐบาลจีนคืออะไร ผมคิดว่ารัฐบาลจีนได้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะเลิกพึ่งการเติบโตทางเศรษฐกิจจากภาคอสังหาฯ ซึ่งเป็นการตัดสินใจทางยุทธศาสตร์ โดยจีนมองความเสี่ยงของปัญหาหนี้และความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตการเงินในอนาคตจากฟองสบู่อสังหาฯ รวมทั้งความเสี่ยงจากราคาบ้านที่ปั่นกันสูงขึ้นไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายของคนเมือง และทำให้คนเมืองไม่ยอมมีลูก ลามเป็นวิกฤตสังคมและวิกฤตประชากร
ดังนั้น การแก้ไขปัญหาภาคอสังหาฯ ของจีนจึงไม่ใช่การฟื้นภาคอสังหาฯ หรืออัดเงินช่วยเหลือเพื่อหวังให้กลับมาคึกคักอย่างที่เคยทำในอดีต แต่เป็นเพียงการอัดเงินในระดับปานกลางเพียงเพื่อประคับประคองสถานการณ์อย่างพอเหมาะไม่ให้ลามเป็นวิกฤตใหญ่
รัฐบาลจีนยังหวังว่า ปัญหาภาคเศรษฐกิจจริงในขณะนี้ ส่วนหนึ่งเป็นปัญหาระยะสั้นที่มาจากแผลเป็นการล้มหายตายจากของธุรกิจหลังล็อคดาวน์เมื่อปีก่อนและจากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ยังไม่กลับมา แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง เศรษฐกิจจีนจะเริ่มกลับมาเดินอีกครั้ง และจะมีแรงกดดันให้เกิดการขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ในภาคเศรษฐกิจใหม่ๆ เช่นภาคเทคโนโลยีและภาคพลังงานสะอาด เพื่อมาทดแทนภาคอสังหาฯ
แต่ความกังวลของนักลงทุนในขณะนี้คือ จีนจะหลุดออกจากวังวนของขาลงทางเศรษฐกิจได้อย่างไร หรือจะกลายเป็นติดหล่มหาทางฟื้นไม่เจอ แน่นอนครับว่ารัฐบาลจีนมีเครื่องมือมากมายที่จะช่วยควบคุมไม่ให้สถานการณ์ในภาคอสังหาฯ บานปลายลุกลามเป็นวิกฤตการเงิน แต่นักลงทุนก็มองว่าเมื่อภาคอสังหาฯ ไม่ฟื้นเสียที และรัฐบาลจีนเองก็ไม่อยากให้ฟื้นด้วยเหตุผลเชิงยุทธศาสตร์ เศรษฐกิจจีนก็น่าจะซึมยาวและเผชิญแรงกดดันขาลงต่อไปอีกสักพัก แม้จะไม่เกิดวิกฤตใหญ่ก็ตาม
การเล่นเกมยาวของสีจิ้นผิงดูเหมือนหมายถึงการยอมรับว่าเศรษฐกิจจีนจะอยู่ในภาวะซึมยาว แลกกับการถอดสลักระเบิดเวลาฟองสบู่ภาคอสังหาฯ เสียแต่ตอนนี้